สนุก! ข่าวต่างประเทศ

วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ประโยคเพื่อการ ปฏิเสธ ให้เป็น

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ปฏิเสธ ภาษาอังกฤษ

ประโยคปฏิเสธไม่ได้มีแต่ no no no เพียงอย่างเดียว เพราะขนาดเราพูดภาษาไทย เรายังมีทั้งคำปฏิเสธหลายๆ แบบเลย วันนี้ engoo เลยจะมาแชร์ 10 สำนวนเพื่อใช้ปฏิเสธให้เพื่อนๆ ใช้กันค่ะ

1. In a word, no. สั้นๆ เลยนะ ไม่ โดยคำว่า in a word เป็นสำนวนที่แปลว่า สั้นๆ, สรุป ค่ะ เช่น
A: So, tell me, do you find him attractive? บอกฉันมาสิ เธอคิดวาเขามีเสน่ห์ไหม?
B: In a word, no. สั้นๆ เลยนะ ไม่

2. Not on your life. เป็นคำปฎิเสธแบบแรงๆ ตรงๆ ใช้เวลาที่เราจะไม่ทำบางอย่างค่ะ
A: Would you kiss him? เธอจะจูบเขาไหม
B: Not on your life! ไม่มีทาง!

3. Not likely. คำนี้เราได้ยินกันบ่อยๆ โดยความหมายก็คือ ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว
A: Is it possible that you'll be able to fix this watch? เป็นไปได้มั้ยที่พวกคุณจะสามารถซ่อมนาฬิกาเรือนนี้
B: Not likely, but we can always try. ก็ไม่แน่ซะทีเดียว แต่พวกเราสามารถลองดู

4. Over my dead body. สำนวนนี้เหมือนกับภาษาไทยที่เราได้ยินกันบ่อยๆ คือ ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะ
A: You boyfriend said he's going to buy a motorbike. แฟนของเธอบอกว่า เขากำลังจะซื้อมอเตอร์ไซค์นะ
B: Over my dead body! ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะ

5. Count me out. สำนวนนี้แปลง่ายๆ เลยค่ะว่า ไม่ต้องนับฉัน
Count me out, I’m not going swimming when it's this cold! ไม่ต้องนับฉันเลย ฉันไม่ไปว่ายน้ำแน่ๆ หนาวจะตาย!

6. I'd rather not (do something). สำนวนนี้มีความหมายเดียวกับ I don’t want to หรือ ฉันไม่ต้องการจะ บลาๆๆ นั่นเอง (‘d ย่อมาจาก would)
I'd rather not talk about it. ฉันไม่ต้องการจะพูดเรื่องนั้น

7. I'd love to, but... สำนวนนี้เป็นสำนวนที่สุภาพและเป็นที่นิยมใช้ค่ะ ความหมายก็คือ ฉันก็อยากนะ แต่... เป็นการปฏิเสธแบบนุ่มนวลนั่นเอง
I'd love to, but I can't. I have a yoga class this evening. ฉันก็อยากนะ แต่ฉันไปไม่ได้ เพราะมีคลาสโยคะเย็นนี้น่ะ

8. No chance. สำนวนนี้แปลว่า เป็นไปไม่ได้ , ไม่มีโอกาส
A: Can we leave early? พวกเราสามารถออกเร็วได้ไหม?
B: No chance. เป็นไปไม่ได้หรอก

9. Not on your nelly! ไม่ล่ะ , ฉันจะไม่ทำ เป็นสำนวนปฎิเสธว่าเราจะไม่ทำบางสิ่งค่ะ
A: Perhaps you could take Som with you to the party. บางทีเธอควรจะพาส้มมาปาร์ตี้ด้วยนะ
B: Not on your nelly! ไม่ล่ะ!

10. No way! คำนี้เชื่อว่าหลายๆ คนรู้อยู่แล้ว และเคยใช้กันบ่อยๆ ความหมายก็ตามนั้นเลยว่า ไม่มีทาง!
A: Did you like that movie? เธอชอบหนังเรื่องนี้ใช่ไหม?
B: No way! It was boring. ไม่มีทาง! น่าเบื่อจะตาย


วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

อยากเก่งภาษาอังกฤษ

ในโลกปัจจุบัน ความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษเป็นสิ่งสำคัญทั้งในชีวิตการเรียน การทำงาน และการใช้ชีวิตประจำวัน สำหรับคนไทยหลายๆ คน ภาษาอังกฤษเป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวและมักจะหลีกเลี่ยงการต้องพูดภาษาอังกฤษกับชาวต่างชาติหรือการพูดภาษาอังกฤษต่อหน้าคนอื่นๆ เพราะขาดความมั่นใจและทักษะ บางคนกังวลว่าสำเนียงไม่ดี แกรมม่าร์ไม่ได้ จึงทำให้ไม่กล้าที่จะฝึกพูดวันนี้ เรามีข้อแนะนำดีๆ สำหรับทุกๆ คนที่เคยถามว่า “อยากเก่งภาษาอังกฤษทำอย่างไร” โดยข้อแนะนำทั้งหมดเป็นสิ่งที่คุณสามารถทำได้เองโดยไม่ต้องจ่ายเงินค่าเรียนมากมายให้กับโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษที่ไหน และสามารถเริ่มทำได้เองจากที่บ้าน


  • เปิดหู

    รอบๆ ตัวเรามีสื่อต่างๆ มากมายที่เราสามารถใช้ให้เป็นประโยชน์ในการเรียนภาษาอังกฤษได้ ทั้งเพลง หนัง ซีรี่ส์ ข่าว เจียดเวลาสักนิดในแต่ละวันเพื่อหาสิ่งที่คุณสนใจ ถ้าคุณชอบฟังเพลง ลองเลือกเพลงของศิลปินที่คุณชื่นชอบไว้ฟังเพื่อเรียนภาษาอังกฤษจากเพลง แต่อย่าลืมว่า ถ้าสักแต่ฟังไปโดยไม่ได้เปิดหู คุณก็จะได้ยินแต่สิ่งเดิมๆ การออกเสียงภาษาอังกฤษแบบเดิมๆ ที่คุณถูกสอนมาในโรงเรียนโดยอาจจะเป็นวิธีออกเสียงที่ผิด ฉะนั้น อย่าเพียงแค่ฟัง แต่ต้องเปิดหูฟังว่าเจ้าของภาษาออกเสียงอย่างไร การเปิดดิกชันนารีที่มีคำอ่านภาษาอังกฤษก็สามารถช่วยให้คุณอ่านออกเสียงตามได้ง่ายขึ้น

  • เปิดตา

    หัดเป็นคนช่างสังเกต อย่าสักแต่ว่าอ่านแล้วเปิดดิกชันนารีเพื่อดูคำแปลของคำศัพท์ภาษาอังกฤษเพียงอย่างเดียว เพราะการอ่านนั้นมีประโยชน์มากกว่าเพียงแค่การเรียนรู้คำศัพท์ หัดสังเกตรูปแบบประโยค โครงสร้างประโยค เพื่อเรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษไปในตัว เริ่มจากประโยคสนทนาภาษาอังกฤษง่ายๆ สังเกตว่า คำนามอยู่ตรงไหน กิริยาอยู่ตรงไหน ทำไมกิริยาบางตัวเติม s บางตัวไม่เติม ทำไมกิริยาบางตัวเป็นรูปอดีต ปัจจุบัน อนาคต การอ่านข่าวภาษาอังกฤษแปลไทยเป็นหนึ่งในวิธีที่จะทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ทั้งคำศัพท์ภาษาอังกฤษและไวยากรณ์ภาษาอังกฤษได้ควบคู่กัน

  • เปิดปาก

    สำหรับคนที่ต้องการพูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงที่ใกล้เคียงกับเจ้าของภาษานั้น คุณจำเป็นที่จะต้องฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษและฝึกพูด สำหรับคนที่ไม่ได้มีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติหรือสามารถจ่ายเงินเรียนคอร์สสอนภาษาโดยชาวต่างชาติได้ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะฝึกพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ หลังจากคุณเปิดหูฟังเจ้าของภาษาออกเสียงภาษาอังกฤษอย่างถูกต้องแล้ว ต้องเปิดปากเพื่อออกเสียงตาม (ในส่วนนี้อาจจะต้องอาศัยอินเนอร์ในระดับหนึ่ง จำไว้ว่าความอายหรือความเขินไม่ช่วยคุณ ณ จุดนี้) สำหรับคนที่ชอบฟังเพลง คุณสามารถร้องเพลงตามได้ (แต่ไม่ใช่สักแต่ว่าร้องไปโดยออกเสียงแบบที่คุณมโนว่าถูกต้องเอง) สำหรับคนที่ชอบดูซีรี่ส์ฝรั่ง หัดพูดประโยคต่างๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า พูดจนคุณคิดว่าสำเนียงคุณเริ่มคล้ายเจ้าของภาษาเข้าไปทุกที


คำแนะนำ 3 ข้อนี้ เป็นสิ่งที่คุณสามารถเริ่มทำเองได้ตั้งแต่วันนี้ บทเรียนต่างๆ บนเว็บสอนภาษาอังกฤษฟรีนี้จะช่วยให้คุณสามารถ เปิดหู เปิดตา และเปิดปาก ได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องเสียสตางค์ และมีประสิทธิภาพที่สุด เพียงแค่เลือกบทเรียนที่เหมาะกับพื้นฐานภาษาอังกฤษของคุณ

วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

บทสนทนาภาษาอังกฤษ Sickness (อาการเจ็บป่วย)

อาการเจ็บปวดไม่มีใครต้องการให้มันเกิด แต่แน่นอนถ้ามันเกิดขึ้นเราสามารถที่จะสอบถามอาการเจ็บปวดของผู้ประสบได้ และการบอกอาการเจ็บปวยที่เกิดขึ้น การสนทนาอาการเจ็บป่วยภาษาอังกฤษก็ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันอยู่เช่นกัน เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ ไม่ว่าจะเป็นการสอบถามอาการไม่สบายอีกฝ่าย และการบอกอาการเจ็บป่วยเป็นภาษาอังกฤษ สามารถใช้ประโยคต่อไปนี้ 
เมื่อต้องการสอบถามอาการไม่สบายของอีกฝ่าย อ้างอิงจาก English Enjoy
What’s the matter?
วอทส เธอะ แมทเทอะ
เกิดอะไรขึ้น, เป็นอะไรหรือ
What’s the problem?
วอทส เธอะ พรอบเลิม
มีปัญหาอะไรหรือ
How are you feeling?
ฮาว อาร์ ยู ฟิลลิง
คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง
Are you feeling alright?
อาร์ ยู ฟิลลิง ออลไรท
คุณไหวไหม
Are you feeling any better?
อาร์ ยู ฟีลลิง เอนนี เบทเทอะ
คุณรู้สึกดีขึ้นบ้างไหม
I hope you feel better soon.
ไอ โฮพ ยู ฟีล เบทเทอะ ซูน
หวังว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้นเร็วๆ นี้
Get well soon!
เกท เวล ซูน
หายไวๆ นะ
ารบอกอาการเจ็บป่วย และบอกว่า ฉันเป็น หรือมีอาการ… พร้อมยกตัวอย่างอาการต่างๆ ดังต่อไปนี้
I’m not well.
ไอม นอท เวล
ฉันรู้สึกไม่ดีเลย
I feel very weak.
ไอ ฟีล เวรี วีค
ฉันรู้สึกอ่อนเพลียมาก
I’m not feeling very well.
ไอม นอท ฟีลลิง เวรี เวล
ฉันรู้สึกไม่ดีเอามากๆ เลย
I feel ill/sick.
ไอ ฟีล อิล/ซิค
ฉันรู้สึกไม่สบาย/ป่วย
I’m going to be sick.
ไอ โกอิง ทู บี ซิค
ฉันกำลังป่วย
I’ve been sick.
ไอฟว บีน ซิค
ฉันป่วย
I feel faint.
ไอ ฟีล เฟนท
ฉันรู้สึกเหมือนจะเป็นลม
My head is giddy.
มาย เฮด อีส กิดดี
ฉันรู้สึกเวียนศีรษะ
My tongue is coated.
มาย ทัง อีส โคททิด
ลิ้นของผมเป็นฝ้าขาว
I’m asthmatic.
ไอม แอชแมททิค
ฉันเป็นโรคหอบหืด
I’m epileptic.
ไอม เอพพะเลพทิค
ฉันเป็นโรคลมบ้าหมู
I’m diabetic.
ไอม ไดอะเบททิค
ฉันเป็นโรคเบาหวาน
การใช้รูปประโยค เพื่อบอกว่า ฉันเป็น หรืออาการ… ” I have (got)…” ใช้กับอาการต่างๆ ได้ดังต่อไปนี้
a headacheอะ เฮดเอคปวดหัว
a toothacheอะ ทูธเอคปวดฟัน
a sore throatอะ ซอร์โธรทเจ็บคอ
a coughอะ คอฟไอ
a coldอะ โคลดเป็นหวัด
a feverอะ ฟีเวอะมีไข้
a fluอะ ฟลูเป็นไข้หวัดใหญ่
a rashอะ แรชผื่นขึ้น
a lumpอะ ลัมพฉันมีก้อนนูน
diarrhoeaไดอะเรียท้องร่วง


I’m congested.
ไอม คันเจสทิด
ฉันมีเลือดคั่ง
I’ve cut myself.
ไอฟว คัท มายเซลฟ
ฉันถูกมีดบาด
I have broken my…
ไอ แฮฟว โบรเคิน มาย…
ฉันทำ…(ของฉัน)หัก
I cough constantly.
ไอ คอฟ คอนสเทินทลี
ฉันไออยู่ตลอดเวลาเลย
I feel thirsty.
ไอ ฟีล เธิร์สที
ฉันรู้สึกกระหายน้ำ
My nose is bleeding.
มาย โนส อีส บลีดดิง
ฉันมีเลือดกำเดาไหล
My…are hurting.
มาย…อาร์ เฮิร์ททิง
…ของฉันเจ็บ
My…hurts.
มาย…เฮิร์ทส
…ของฉันเจ็บ
My…are aching.
มาย…อาร์ เอคชิง
…ของฉันปวด
It hurts here.
อิท เฮิร์ทส เฮียร์
ปวดตรงนี้
The dog bit me (in the…).สุนัขกัดฉัน (ที่…)
I have loose bowels.
ไอ แฮฟว ลูส เบาเอิลส
ฉันท้องเสีย
I’ve been like this for several days.
ไอฟว บีน ไลค ธิส ฟอร์ เซฟเวอะเริล เดย์ส
ฉันเป็นอย่างนี้มาหลายวันแล้ว
I’ve got a pain in my…
ไอฟว กอท อะ เพน อิน มาย…
ฉันปวดที่…ของฉัน
I’ve got a swollen…
ไอฟว กอท อะ สโวเลิน…
…ของฉันบวม
I’m in a lot of pain.
ไอม อิน อะ ลอท ออฟ เพน
ฉันเจ็บมาก


I have a pain all through the body.
ไอ แฮฟว อะ เพน ออล ธรู เธอะ บอดี
ฉันรู้สึกปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัวเลย
I have a terrible pain in my chest.
ไอ แฮฟว อะ เทอระเบิล เพน อิน มาย เชสท
ฉันรู้สึกเจ็บในอกมากเลย
I think I’ve pulled a muscle in my leg.
ไอ ธิงค ไอฟว พูลด อะ มัสเซิล อิน มาย เลก
ฉันคิดว่ากล้ามเนื้อขาของฉันถูกกระชาก/ดึง
I have a palpitation of the heart.
ไอ แฮฟว อะ แพลพิเทชัน ออฟ เธอะ ฮาร์ท
หัวใจของฉันเต้นถี่มาก
I’ve been having difficulty sleeping.
ไอฟว บีน แฮฟวิง ดิฟฟิคัลที สลีพพิง
ฉันนอนไม่หลับ/หลับยาก
I do not sleep well.
ไอ ดู นอท สลีพ เวล
ฉันนอนไม่ค่อยหลับ
I’m having difficulty breathing.
ไอม แฮฟวิง ดิฟฟิคัลที บรีธธิง
ฉันหายใจลำบาก
I’ve been feeling depressed.
ไอฟว บีน ฟีลลิง ดีเพรสด
ฉันรู้สึกหดหู่ใจ
I’ve got very little energy.
ไอฟว กอท เวรี ลิทเทิล เอนเนอะจี
ฉันไม่ค่อยมีแรง
I’ve been feeling very tired.
ไอฟว บีน ฟีลลิง เวรี ไทเออะด
ฉันรู้สึกเหนื่อยมาก
I have no appetite for anything.
ไอ แฮฟว โน แอพพิไทท ฟอร์ เอนนีธิง
ฉันไม่รู้สึกอยากทานอะไรเลย
I feel like vomiting all the time.
ไอ ฟีล ไลค วอมมิททิง ออล เธอะ ไทม
ฉันรู้สึกอยากจะอาเจียนตลอดเวลาเลย


I need some more insulin.
ไอ นีด ซัม มอร์ อินซะลิน
ฉันต้องการยาอินซูลิน
I need another inhaler.
ไอ นีด อะนาเธอะ อินเฮเลอะ
ฉันต้องการเครื่องช่วยหายใจ
I need to see a doctor.
ไอ นีด ทู ซี อะ ดอคเทอะ
ฉันต้องการไปหาหมอ
Have you got any plasters?
แฮฟว ยู กอท เอนนี พลาสเทอะส
คุณมีพลาสเตอร์ยาบ้างไหม
Have you got any painkillers?
แฮฟว ยู กอท เอนนี เพนคิลเลิอะส
คุณมียาแก้ปวดไหม
Have you got any aspirin?
แฮฟว ยู กอท เอนนี แอสไพริน
คุณมียาแอสไพรินบ้างไหม
สมมุติว่าคุณเข้าโรงพยาบาล ตัวอย่างประโยคต่อไปนี้ที่แพทย์มักใช้ถามกับคนไข้ที่มารับบริการ ตัวอย่างเช่น
How can I help you?
ฮาว แคน ไอ เฮลพ ยู
ฉันจะช่วยคุณได้อย่างไร
What are your symptoms?
วอท อาร์ ยัวร์ ซิมพเทิมส
อาการของคุณเป็นอย่างไร
How have you been feeling generally?
ฮาว แฮฟว ยู บีน ฟีลลิง เจนเนอะเริลลี
คุณรู้สึกแบบนี้เป็นประจำไหม
How long have you been feeling like this?
ฮาว ลอง แฮฟว ยู บีน ฟีลลิง ไลค ธิส
คุณรู้สึกแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว
I’ve been like this for several days.
ไอฟว บีน ไลค ธิส ฟอร์ เซฟเวอะเริล เดย์ส
ฉันเป็นอย่างนี้มาหลายวันแล้ว
Are you on any sort of medication?
อาร์ ยู ออน เอนนี ซอร์ท ออฟ เมดดิเคชัน
คุณกินยาอะไรอยู่บ้างไหม
หากได้รับยาที่ห้องจ่ายยา เภสัชกร อาจถามคนไข้ ด้วยประโยคที่ว่า…
Do you have any allergies?
ดู ยู แฮฟว เอนนี แอลเลอะจีส
คุณแพ้อะไรบ้างไหม
I’m allergic to antibiotics.
ไอม แอลเลอะจิค ทู แอนทีไบออททิคส
ฉันแพ้ยาปฏิชีวนะ
ประโยคต่อไปนี้เป็นประโยคสนทนาเกี่ยวกับการตรวจการรักษาอาการของคนไข้ อาจไม่ใช่ประโยคที่เป็นมาตรฐานที่ใช้สนทนากัน ซึ่งแล้วแต่แพทย์จะถามหรือสนทนากับคนไข้ และได้รวบรวมประโยคภาษาอังกฤษแบบทั่วไปที่มักพบบ่อยใช้สนทนากันมาพอเป็นตัวอย่างดังต่อไปนี้
Can I have a look?
แคน ไอ แฮฟว อะ ลุค
ขอดูหน่อยได้ไหม
Where does it hurt?
แวร์ ดาส อิท เฮิร์ท
เจ็บตรงไหน
Does it hurt when I press here?
ดาส อิท เฮิร์ท เวน ไอ เพรส เฮียร์
กดตรงนี้เจ็บไหม
I’m going to take your blood pressure.
ไอม โกอิง ทู เทค ยัวร์ บลัด เพรชเชอะ
ฉันกำลังจะวัดความดันโลหิตคุณนะ
I’m going to take your temperature/pulse.
ไอม โกอิง ทู เทค ยัวร์ เทมเพอะระเชอะ/พัลซ
ฉันกำลังจะวัดอุณหภูมิร่างกาย/วัดชีพจร คุณนะ
Could you roll up your sleeve?
คูด ยู โรล อัพ ยัวร์ สลีฟว
ช่วยพับแขนเสื้อของคุณหน่อยได้ไหม
Your blood pressure is…
ยัวร์ บลัด เพรชเชอะ อีส…
ควมดันโลหิตของคุณ…
Quite low/Normal/Rather high/Very high
ไควท โล/นอร์เมิล/ราเธอะ ไฮ/เวรี ไฮ
ต่ำมาก/ปกติ/ค่อนข้างสูง/สูงมาก
Your temperature is…
ยัวร์ บลัด เพรชเชอะ อีส…
อุณหภูมิของคุณ…
Normal/A little high/Very high
นอร์เมิล/อะ ลิทเทิล ไฮ/เวรี ไฮ
ปกติ/สูงเล็กน้อย/สูงมาก
Open your mouth, please.
โอเพิน ยัวร์ เมาท พลีซ
กรุณาอ้าปาก
Cough, please.
คอฟ พลีซ
กรุณาไอ/กระแอม

Do you have any difficulty in swallowing?
ดู ยู แฮฟว เอนนี ดิฟฟิคัลที อิน สวอลโลวิง
คุณรู้สึกเจ็บคอหรือเปล่าเวลากลืนน้ำลาย
You need to have a blood test.
ยู นีด ทู แฮฟว อะ บลัด เทสท
คุณจำเป็นต้องตรวจเลือดนะ
I want to send you for an X-ray.
ไอ วอนท ทู เซนด ยู ฟอร์ แอน เอคซเรย์
ผมอยากส่งคุณไปเข้ารับการเอ็กซเรย์
I want you to see a specialist.
ไอ วอนท ยู ทู ซี อะ สเพชชะลิสท
ฉันอยากให้คุณไปพบผู้เชี่ยวชาญ
You need to be hospitalized.
ยู นีด ทู บี ฮอสพิเทิลไลซด
คุณต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล
การให้คำแนะนำต่างๆ สามารถใช้ประโยคคำว่า You should… หรือ You need to… แปลว่า คุณควรจะ… เช่น
ํYou should stop smoking.
ยู ชูด สทอพ สโมคคิง
คุณควรจะหยุดสูบบุหรี่นะ
You need to exercise at least twice a week.
ยู นีด ทู เอคเซอะไซซ แอท ลีสท ทไวซ อะ วีค
คุณควรออกกำลังกายอย่างน้อยสองครั้งต่อสัปดาห์นะ
ตัวอย่างบทสนทนาภาษาอังกฤษ (Conversation)
John :Hi, Gade. What’s the matter? You look not well.
ไฮ เกด วอทส เธอะ แมทเทอะ ยู ลุค นอท เวล
สวัสดีเกด เกิดอะไรขึ้น คุณดูอาการไม่ค่อยดีเลยนะ
Gade :Hi John I’m not feeling well. I think I have a cold.
ไฮ จอห์น ไอม นอท ฟีลลิง เวล ไอ ธิงค ไอ แฮฟว อะ โคลด
สวัสดีจอห์น ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลย ฉันคิดว่าฉันคงจะเป็นหวัดน่ะ
John :That sounds terrible. Did you see any doctors?
แธท เซานดส เทอระเบิล ดิด ยู ซี เอนนี ดอคเทอะส
ฟังดูแย่จัง คุณไปหาหมอบ้างหรือยัง
Gade :Yes, he gave me some pills. It wouldn’t be like this if only I took an umbrella to the class.
เยส ฮี แกฟว มี ซัม พิลส อิท วูดดึนท บี ไลค ธิส อิฟ โอนลี ไอ ทุค แอน อัมเบรลละ ทู เธอะ คลาส
หาแล้ว หมอก็ให้ยามากินน่ะ มันคงไม่เป็นอย่างนี้หรอก ถ้าแค่ฉันพกร่มไปด้วย
John :I think so. Well, I hope you feel better soon.
ไอ ธิงค โซ เวล ไอ โฮพ ยู ฟีล เบทเทอะ ซูน
ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละ หวังว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้นเร็วๆ นี้นะ
Gade :I hope so. Thank you so much.
ไอ โฮพ โซ แธงคิว โซ มัช
ฉันก็หวังให้เป็นเช่นนั้น ขอบคุณมากนะ

บทสนทนาภาษาอังกฤษ Travel (การท่องเที่ยว)

บทสนทนาภาษาอังกฤษเพื่อการท่องเที่ยว เกี่ยวกับการท่องเที่ยว สามารถใช้ได้หลายแบบ ตัวอย่างต่อไปนี้
อ้างอิงจาก English Enjoy
Did you go to ...?
ดิด ยู โก ทู …
คุณได้ไป…มาหรือเปล่า
Have you ever been to ...?
แฮฟว ยู เอฟเวอะ บีน ทู …
คุณเคยไป….ไหม
Are you going to …?
อาร์ ยู โกอิง ทู …
คุณกำลังจะไป…ใช่ไหม
Where are we going?
แวร์ อาร์ วี โกอิง
เราจะไปไหนกันดี
Where are you going to?
แวร์ อาร์ ยู โกอิง ทู
คุณกำลังจะไปไหน
Are you going by …?
อาร์ ยู โกอิง บาย …
คุณเดินทางโดย…ใช่ไหม
Do you like to travel?
ดู ยู ไลค ทู แทรฟเวิล
คุณชอบท่องเที่ยวไหม
Do you travel a lot?
ดู ยู แทรฟเวิล อะ ลอท
คุณท่องเที่ยวบ่อยไหม
How often have you been …?
ฮาว ออฟเฟิน แฮฟว ยู บีน …
คุณไป…บ่อยแค่ไหน
Where did you spend your last vacation?
แวร์ ดิด ยู สเพนด ยัวร์ ลาสท เวเคชัน
คุณไปเที่ยวที่ไหนในวันหยุดที่ผ่านมา
How many country have you been to?
ฮาว เมนี คันทรี แฮฟว ยู บีน ทู
คุณเคยเดินทางไปกี่ประเทศแล้ว
Where did you go?
แวร์ ดิด ยู โก

คุณไปที่ไหนมา
How was your trip (in…) ?
ฮาว วอส ยัวร์ ทริพ (อิน…)

ไปเที่ยว (ที่…) เป็นอย่างไรบ้าง
Do you like to go to …?
ดู ยู ไลค ทู โก ทู …

คุณชอบไป…ไหม
How will you travel to …?
ฮ่าว วิล ยู แทรฟเวิล ทู …

คุณจะไปเที่ยวที่…อย่างไร
How long will it take?
ฮาว ลอง วิล อิท เทค

มันจะใช้เวลานานเท่าไหร่
Do you like to fly? 
ดู ยู ไลค ทู ฟลาย

คุณชอบขึ้นเครื่องบินไหม
Are you flying or going by train?
อาร์ ยู ฟลายอิง ออ โกอิง บาย เทรน
คุณจะไปโดยเครื่องบิน หรือรถไฟ

Are you going on a trip next Sunday?
อาร์ ยู โกอิง ออน อะ ทริพ เนคซท ซันเดย์
วันอาทิตย์หน้าคุณจะไปเที่ยวใช่ไหม

What time will you leave …?
วอท ไทม วิล ยู ลีฟว ….
คุณจะออกจาก….ตอนกี่โมง

How about going to …?
ฮาว อะเบาท โกอิง ทู ….
ถ้าจะไป …คุณว่าดีไหม

When should I visit the place?
เวน ชูด ไอ วิสซิท เธอะ เพลส
คุณว่าฉันควรไปเที่ยวเมื่อไหร่ดี

The best time to visit…is…
เธอะ เบสท ไทม ทู วิสซิท…อีส…
เวลาดีที่สุดที่จะไปเที่ยวที่… คือช่วง…

Sound good! Would you like to go with me?
เซานด กูด วูด ยู ไลค ทู โก วิธ มี
ฟังดูดีนะ คุณจะไปกับฉันไหม

What have you been up to lately?
วอท แฮฟว ยู บีน อัพ ทู เลทลี
ช่วงหลังๆมานี้คุณทำอะไรบ้าง

I went on a trip with my family.
ไอ เวนท ออน อะ ทริพ วิธ มาย แฟมมิลิ
ผมไปเที่ยวกับครอบครัวมา

Do you have enough free time?
ดู ยู แฮฟว อินัฟ ฟรี ไทม
คุณพอจะมีเวลาว่างบ้างไหมครับ

Are you free next week?
อาร์ ยู ฟรี เนคซท วีค
สัปดาห์หน้าคุณว่างไหม
I will take you to …
ไอ วิล เทค ยู ทู …
ผมจะพาคุณไป…
i want to travel with you.
ไอ วอนท ทู แทรฟเวิล วิธ ยู
ฉันอยากไปเที่ยวกับคุณ
I’m going to …
ไอม โกอิง ทู …
ฉันกำลังจะไป….
I went to … last year.
ไอ เวนท ทู …ลาสท เยียร์
ฉันไป…เมื่อปีที่แล้ว
I want to go to/for…
ไอ วอนท ทู โก ทู/ฟอร์ …
ฉันอยากไป ที่/กิจกรรม…
หากคุณเป็นคนชอบเที่ยวแล้วอยากชวนเพื่อนไปด้วย

I want to invite you to travel together.
ไอ วอนท ทู อินไวท ยู ทู แทรฟเวิล ทูเกธเธอะ
ฉันอยากจะชวนคุณไปเที่ยวด้วยกัน

I’m sure it must be a very great thing.
ไอม ชัวร์ อิท มัสท บี อะ เวรี เกรท ธิง
ผมแน่ใจว่ามันต้องเป็นอะไรที่เยี่ยมมาก

ลองแนะนำกิจกรรมที่เขาอยากจะไปเที่ยวกับเรา เช่น

There are many activities such as diving, ride a horse and camping on the beath.
แธร์ อาร์ เมนี แอคทีฟวิทีส ซัช แอส ไดฟวิง ไรด อะ ฮอร์ส แอนด แคมพิง ออน เธอะ บีช
มีหลายกิจกรรมให้ทำ เช่น ดำน้ำ ขี่ม้า และตั้งแคมป์ริมชายหาด

If’s safe to scuba dive near that area.
อิทส เซฟ ทู สคิวบะ ไดฟว เนี่ยร์ แธท แอเรีย
ดำน้ำบริเวณนั้นจะปลอดภัย

I can show you some  great places for …
ไอ แคน โชว์ ยู ซัม เกรท เพลส ฟอร์…
ฉันแนะนำสถานที่ดีๆ สำหรับ(กิจกรรม)…ให้คุณได้นะ

How interest is it?
ฮาว อินเทอะเรสท อีส อิท
มันน่าสนใจตรงไหนหรอ

What are some interesting in…?
วอท อาร์ ซัม อินเทอะเรสทิง อิน …
ที่….มีอะไรน่าสนใจบ้าง

ประโยคเหล่านี้มักใช้ถามกันขณะท่องเที่ยวแล้วมีการสนทนากัน

What is it about…that impressed you?
วอท อีส อิท อะเบาท… แธท อิมเพรสด ยู
คุณรู้สึกประทับใจอะไรที่…

Where are we now?
แวร์ อาร์ วี นาว
ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนกัน

Here is…
เฮียร์ อีส…
ที่นี่คือ…

Now, We are at…
นาว วี อาร์ แอท…
ขณะนี้พวกเราอยู่ที่…

Could you take a photo for me?
คูด ยู เทค อะ โฟโท ฟอร์ มี
คุณช่วยถ่ายรูปให้ฉันหน่อยได้ไหม

May I take photographs?
เมย์ ไอ เทค โฟทะแกรฟส
ฉันขออนุญาิตถ่ายภาพหน่อยได้ไหมค่ะ

Do we need a guide?
ดู วี นีด อะ ไกด
เราต้องมีคนนำทางไหม

I want you to send someone to guide me.
ไอ วอนท ยู ทู เซนด ซัมวัน ทู ไกด มี
ผมต้องการให้คุณส่งคนนำเที่ยวให้กับผม

I want a guide who speaks Thai.
ไอ วอนท อะ ไกด ฮู สพีคส ไทย
ฉันต้องการคนนำเที่ยวที่พูดภาษาไทยได้

What is the charge per hour?
วอท อีส เธอะ ชาร์ดจ เพอร์ เอาเออะ
คิดราคาชั่วโมงละเท่าไหร่

ตัวอย่างบทสนทนาภาษาอังกฤษ (Conversation)

A : What have you been up to lately?
วอท แฮฟว ยู บีน อัพ ทู เลทลี
ช่วงหลังๆ นี้ คุณทำอะไรบ้าง

B : I went on a trip with my family last mouth.
ไอ เวนท ออน อะ ทริพ วิธ มาย แฟมมิลี ลาสท มันธ
ผมไปเที่ยวกับครอบครัวมาเมื่อเดือนที่แล้ว

A : Really? Where did you go?
เรียลลิ แวร์ ดิด ยู โก
จริงหรือ คุณไปที่ไหนมา

B : We went to Thailand.
วี เวนท ทู ไทแลนด
เราไปที่ประเทศไทยมา

A : Did you go to the Pattaya island?
ดิด ยู โก ทู เธอะ พัทยา ไอเลินด
คุณได้ไปเกาะพัทยามาหรือเปล่า

B : Yes, we go there. It’s a very beautiful place.
เยส วี โก แธร์ อิทส เวรี บิวทิฟูล เพลส
ใช่ เราไปที่นั่นมา มันเป็นสถานที่ที่สวยมากเลย